สมาชิกวิถีชุมชนที่อยู่รุ่นใหญ่ รุ่น baby boomers ที่เกิดปี1946-1964
ผมมีโอกาสพบกับผู้บริหารที่เป็น BB แต่มีที่ยืนของตัวเองในโลกใหม่อย่างมั่นคง คำถามคือคนเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษในลักษณะใด ถึงสามารถเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่และโลกใหม่ได้อย่างแนบสนิท คุณสมบัติเหล่านี้คือ
1.คนคนนั้นต้องมี การเจริญเติบโตทางความคิดและมีความเชื่อที่ว่าสติปัญญานั้นสามารถพัฒนาได้หรือเรียกสั้นๆ ว่า "พรแสวง" (growth & open mindset) อายุเป็นเพียงตัวเลข สิ่งสำคัญที่ BB พวกนี้แตกต่างจาก BB ทั่วไปคือพวกเขามี "ทัศนคติ" (mindset) ที่เปิดกว้าง ยอมรับสิ่งใหม่ ๆ สำคัญคือ "ทัศนคติ" (mindset) ของพวกเขาไม่หยุดนิ่ง มีวิธีคิดที่เป็น มีเหตุมีผล (growth thinking) มองอนาคตออกว่า โลกกำลังหันไปทิศไหน และตัวเองหมุนไปตามโลกด้วยความเร็วที่เท่ากันหรือเร็วกว่า ผมเคยได้ยินว่ามีเบอร์หนึ่งขององค์กรระดับ Top 3 ของประเทศท่านหนึ่งมีพฤติกรรมชอบคุยกับคนรุ่นใหม่เพื่อเปิดโลกทรรศน์ใหม่ตลอดเวลา
2. มีทัศนคติที่ผมขอใช้ภาษาอังกฤษว่า receptive to change การเปลี่ยนแปลงคือสิ่งจำเป็น และตัวเขาเองก็ยินดีเปลี่ยนตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม (eco system) ขององค์กรที่ปรับตัวเองไปสู่น่านน้ำใหม่
3. มีเทคนิคหรือทักษะการฟังอย่างดี (deep listening skill) นี่คือประเด็นสำคัญ BB พวกนี้มีความพิเศษคือมีทักษะในการฟังสูง และแปลความหมายในภาษาของโลกใหม่ได้ตรงประเด็น ทำให้พวกเขาพูดคุยกับคนรุ่นใหม่และบริหารธุรกิจยุคดิจิตัลอย่างไร้รอยต่อ
4. ความพิเศษอีกประการหนึ่งคือคนกลุ่มนี้มีการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด (life time learning habit) ไม่กินบุญเก่า เรียนรู้ตลอดชีวิต คำว่าเรียนรู้ตลอดชีวิต คนเหล่านี้จะเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นความสามารถที่ดี (best quality) ของตัวเอง เพื่อเติมให้พวกเขามี ความสามารถที่ดี (best quality) ที่ส่งเสริม (complement) กับคนรุ่นใหม่ ตัวอย่างเช่นคนเหล่านี้จะไม่ไปเรียนรู้เรื่องของดิจิทอล (digital literacy) ให้มีความเป็นเลิศ เพราะนั่นเป็นความเก่งของคนรุ่นใหม่ คความหมายคือ BB เหล่านี้มีความเป็นเลิศที่คนรุ่นใหม่ขาด ในขณะเดียวกับคนรุ่นใหม่จะมีความเก่งที่พวก BB กลุ่มนี้ขาด
ผมรู้จักผู้บริหารระดับสูงท่านหนึ่งอายุ 70+ best quality คือเขาเป็น turnaround specialist สามารถเก็บเศษเหรียญเก่า ๆ แล้วมาขัดเป็นทอง ความที่ผมเคยร่วมงานกับผู้บริหารท่านนี้ เขาเป็นผู้นำในการ turnaround องค์กรที่มียอดขาย 3,000 ล้านบาทเป็น 10,000 ล้านบาทภายในเวลาเจ็ดปี เคล็ดลับที่เขาเปลี่ยนผ้าข้ีริ้วให้กลายเป็นทองได้คือ “การพัฒนาคน” องค์กรไหนที่มี BB คุณลักษณะเช่นนี้ จะทำให้องค์กรนั้นกลายเป็น best hybrid organization ที่มีความเป็นเลิศจากสองมุม นี่ทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวของเพื่อนผมคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในองค์กรข้ามชาติ แล้ว CEO เรียกเพื่อนผมไปปรึกษาแบบตรงไปตรงมา CEO ให้ความเห็นว่าเขามีประสบการณ์ แต่พลังของเขาลดน้อยถอยลงไปแล้วตามอายุ ส่วนเพื่อนผมเปรียบเสมือน “ม้าศึก” ที่ล้นไปด้วยพลัง
ประเด็นคือทำไมเราไม่รวมพลังด้วยการนำสิ่งดี ๆ สองสิ่งมาเสริมกัน คือ “เจได” ทำงานและสนับสนุนคนรุ่นใหม่สร้างอนาคตใหม่ให้กับองค์กร เพื่อนผมเมื่อได้รับข้อเสนออย่างนี้ตอบรับข้อเสนอ และทำงานแบบลืมเหนื่อย ผลลัพธ์คือการเติบโตขององค์กรแบบก้าวกระโดด
5. ประการสุดท้าย BB กลุ่มหายากนี้มี "วิสัยทัศโลกทัศน์" (world view vision) เป็นคำสั้น ๆ แต่มีความหมายมากต่อการบริหารธุรกิจ ณ วินาทีนี้
นี่คือ โมดูลหรือวิธีการเอาตัวรอด (survival module) ของใครก็แล้วแต่ที่เป็น BB ระดับเทพ แล้วคุณจะมีที่ยืนในโลกใหม่อย่างมั่นคง
บทสรุป
ขอสรุปสั้นๆว่า ไม่น่าจะมีคำว่าแก่ที่จะเปลี่ยนแปลง และไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน เพราะพ่อเห็นพวกเราเข้าซูมกันแล้วก็แอบดีใจว่าเก่งมาก ไม่กลัว อาจจะเป็นได้ว่าบางคนไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ก็พยายามหา เราอายุมากๆก็เป็นเหมือนผู้บริหารที่มีประสบการณ์ชีวิตมามากมาย สามารถทำอะไรสร้างสรรค์ได้อย่างภาคภูมิใจ เป็นต้นเมื่อเข้ามาร่วมแบ่งปันพระวาจากันทางซูมนี้เราก็ทำได้ดี น่าชื่นชมมาก ที่สำคัญคือเรายังพร้อมต้อนรับเด็กและเยาวชนเข้ามาด้วยจะได้เสิมพลังกัน และหวังว่าจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตนี้
...............................................
เรียบเรียงมาจากมาจากบทความในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพฯธุรกิจ
God bless you
มานพ 23 ธค 2021
|