 |
บทความ by Fr. MANOP |
 |
ชีวิตของคริสตชนกลุ่มแรก
ชีวิตของคริสตชนกลุ่มแรก
คนเหล่านั้นประชุมกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อฟังคำสั่งสอนของบรรดาอัครสาวก ดำเนินชีวิตร่วมกันฉันพี่น้อง ร่วม ”พิธีบิขนมปัง” และอธิษฐานภาวนา พระเจ้าทรงบันดาลให้บรรดาอัครสาวกทำปาฏิหาริย์และเครื่องหมายอัศจรรย์เป็นจำนวนมาก ทุกคนจึงมีความยำเกรง
ผู้มีความเชื่อทุกคนดำเนินชีวิตร่วมกันและมีทุกสิ่งเป็นของส่วนรวม เขาขายที่ดินและทรัพย์สินอื่น ๆ แบ่งเงินให้ทุกคนตามความต้องการ
ทุก ๆ วัน เขาพร้อมใจกันไปที่พระวิหารและไปตามบ้านเพื่อทำพิธีบิขนมปัง ร่วมกินอาหารด้วยความยินดี และเข้าใจกัน สรรเสริญพระเจ้า และได้รับความนิยมจากประชาชนทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้จำนวนผู้ที่ได้รับความรอดพ้น เพิ่มขึ้นทุกวัน (กจ 2: 42-47)
เป็นชีวิตใหม่กับความหวัง
บรรดาผู้เชื่อได้ให้การต้อนรับคำสั่งสอนของเปโตร ซึ่งทรงเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกของเรา พวกเขาพากันเข้ารับศีลล้างบาปเพื่อจะได้เข้าร่วมส่วนในพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้า มีความเต็มอกเต็มใจที่จะดำเนินชีวิตที่แยกแยะออกเป็น 4 ประเด็นด้วยกันคือ
(1) มาประชุมกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อเรียน ฟังคำสั่งสอนของบรรดาอัครสาวก(มาเรียนคำสอน) ซึ่งเป็นคำสอนที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสอนบรรดาอัครสาวกไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
(2) ดำเนินชีวิตร่วมกันฉันพี่น้อง พวกเขาแสดงความเชื่อในพระเยซูเจ้าด้วยการดำเนินชีวิตหมู่คณะ มีกิจกรรมต่างร่วมกัน เช่น การสวดภาวนา การร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ชีวิตของพวกเขาเป็นประจักษ์พยานถึงการทำงานของพระจิตเจ้าที่ทรงประทับอยู่กับพวกเขา
(3) เข้าร่วมพิธีปิขนมปัง ซึ่งปัจจุบันก็คือ การร่วมพิธิมิสซาฯนั้นเอง
(4) พวกเขาอุทิศตนเพื่อการอธิษฐาน ซึ่งในยุคที่พระศาสนจักรกำลังก่อตั้งนั้น บทภาวนาที่ทุกคนรู้จัก เช่น บทข้าแต่พระบิดาฯ และบทสดุดี หลังจากนั้นก็มีบทภาวนาอื่นๆติดตามมา
จากเรื่องที่เรารับรู้มาแล้วนี้ ทำให้เราทราบว่าบรรดาผู้นำของพระศาสนจักรในยุคเริ่มแรกนั้นมีความคาดหวังอย่างไรต่อผู้เชื่อ ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับผู้นำของพระศาสนจักรในยุคปัจจุบัน
ในยุคนั้น เราได้เห็นบทบาทของพระจิตเจ้าที่ทรงนำและค้ำจุนพระศาสนจักรที่กำลังตั้งต้น โดยให้บรรดาอัครสาวกทำปาฏิหาริย์และเครื่องหมายอัศจรรย์เป็นจำนวนมาก(กจ.3:43) ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เราพอที่จะเห็นเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ใน 3 ประการด้วยกัน คือ
(1) ก่อนอื่นหมด สิ่งที่เหนือธรรมชาติต่างๆเกิดขึ้นเพื่อทำให้ประชาชนเข้ามาหาบรรดาอัครสาวก
(2) ประการที่สอง เป็นการยืนยันว่าบรรดาอัครสาวกเป็นข้ารับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเที่ยงแท้แต่ผู้เดียว
(3) ประการทีสามเพื่อยืนยันว่าพระศาสนจักรที่เกิดขึ้นนี้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
กล่าวโดยสรุป โดยอาศัยปาฏิหาริย์และอัศจรรย์เป็นการนำประชาชนให้เข้ามาหาบรรดาอัครสาวกซึ่งเป็นการเข้าสู่การเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้าโดยผ่านทางศีลล้างบาป
อีกเรื่องหนึ่งที่คริสตชนรุ่นแรกๆได้กระทำก็คือ การที่พวกเขาพากันขายทรัพย์สินของตนแล้วนำมารวมกันเป็นกองกลางแจกจ่ายให้กับสมาชิกที่ขาดแคลน(กจ.2:44-45) ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าบรรดาผู้ศรัทธาเชื่อว่าพระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งในไม่ช้า ดังนั้นสิ่งของต่างๆที่ตนมีจึงไม่มีประโยชน์อะไร บางคนเชื่อจนกระทั่งไม่ทำการทำงานอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องจนกระทั่งนักบุญเปาโลต้องมาแก้ไขความคิดผิดๆนี้ โดยการเทศน์สอนเรื่องของการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า
คำเทศน์ของนักบุญเปาโลมีดังนี้ “พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเรื่องการชุมนุมของเราเพื่อพบกับพระองค์นั้น เราวอนขอท่านอย่ารีบด่วนหวั่นไหวหรือตกใจไม่ว่าเพราะคำพยากรณ์ที่อ้างว่ามาจากพระจิตเจ้า หรือเพราะคำพูดหรือจดหมายที่อ้างว่ามาจากเรา ประหนึ่งว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว อย่าให้ใครหลอกลวงท่านโดยวิธีใดเลย วันนั้นจะยังมาไม่ถึงจนกว่าจะเกิดการกบฏและมนุษย์ชั่วร้ายจะปรากฏตัวมารับความพินาศ” (2ธส.2:1-3)
ดังนั้นเมื่อเรามารวมตัวกันที่วัดซึ่งเป็นพระวิหารของพระจิตเจ้า เหมือนกับบรรดาคริสตชนในสมัยดั่งเดิมนั้น เรามาสวดภาวนาด้วยกัน ร่วมพิธีมิสซาฯพร้อมหน้ากัน พูดคุยกัน ช่วยเหลือกัน หรือพบปะประชุมอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน นี้แหละคือวิถีชีวิตของเราคริสตชนซึ่งคล้ายกับสมัยของอัครสาวกรุ่นแรกๆขององค์พระเยซูซึ่งแสดงออกถึงความเป็นพี่น้องในพระเยซูนั่นเอง
...................................................................................................................................................................
เรียบเรียงมาจาก kamsondeedee.com
God bless you
Manop 21 พค 2022
|
โพสเมื่อ :
22 พ.ค. 2565,12:28
อ่าน 524 ครั้ง
|